การปลูกฝ้าย
ฝ้ายจะปลูกในเดือนพฤษภาคมต่อกับเดือนมิถุนายน หรือเดือนกรกฎาคมต่อเดือนสิงหาคม แล้วแต่ภูมิภาคที่ปลูก ซึ่งเป็นฤดูฝนเป็นช่วงที่ฝ้ายได้รับฝนดี ครั้นประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมฝ้ายจะแก่และแตกปุย การปลูกฝ้ายชาวบ้านจะปลูกไปพร้อมๆ กับการปลูกข้าว ระยะเวลาที่ใช้ในการปลูกฝ้ายจนกระทั่งสามารถเก็บปุยได้ใช้เวลาประมาณ ๖ - ๗ เดือน ชาวบ้านทุกครัวเรือนสามารถปลูกฝ้ายได้ แล้วนำเส้นใยของฝ้ายมาทอเป็นผืนผ้า สำหรับเป็นเครื่องนุ่งห่ม และใช้ในชีวิตประจำวัน
ฤดูปลูกฝ้าย

การเตรียมดิน
ควรทำการเตรียมดินก่อนถึงฤดูปลูกประมาณ ๑ เดือน โดยการไถดะ ๑ ครั้ง พลิกดินและตากไว้ปล่อยให้วัชพืชแห้งตาย นอกจากนี้ศัตรูพืชอื่นๆ เช่น เชื้อโรค และแมลงศัตรูต่างๆ ก็จะถูกทำลายไปด้วย หลังจากนั้นประมาณ ๒ – ๓ สัปดาห์ จึงไถแปร ต่อมาก็ทำการพรวนดินให้มีขนาดละเอียดพอสมควรที่จะหยอดเมล็ดฝ้ายได้
ระยะปลูก
ระยะระหว่างแถว ๑๒๕ ซม. ระหว่างหลุม ๕๐ ซม.
วิธีการปลูก
ควรปลูกฝ้ายเป็นแนวขวางทิศทางลม โดยการหยอดเมล็ดเป็นหลุมๆ หลุมละ ๕ - ๗ เมล็ด กลบดินให้มิดเมล็ด การปลูกจะมี ๒ วิธีคือ
- การปลูกเมื่อดินมีความชื้นพอแล้ว วิธีนี้หลังจากหยอดเมล็ดพันธุ์แล้วจะกลบดินเพียงบาง ๆ ประมาณ ๒.๕ ซม.
- การปลูกเพื่อรอฝน เป็นการปลูกในขณะที่ดินยังแห้งและมีความชื้นไม่เพียงพอกับการงอก วิธีนี้จะต้องกลบดินให้หนาเมล็ดอยู่ลึกประมาณ ๕ ซม.
การดูแลรักษา
ระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ

ระยะติดปี้ (ดอกอ่อน)
ฝ้ายเริ่มมีดอกอ่อน หรือติดปี้เมื่ออายุ ๒๘ - ๓๐ วัน ระยะนี้เกษตรกรควรถอนแยกต้นฝ้ายให้เหลือต้นที่สมบูรณ์ เพียง ๑ ต้น ต่อหลุมมีการกำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ย พูนโคนต้นฝ้าย ปุ๋ยที่ใช้ควรเป็น
- ปุ๋ยสูตร ๒๐-๒๐-๐ อัตรา ๓๐ - ๔๐ กก./ไร่ ในพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวสีดำ
- ปุ๋ยสูตร ๑๒-๒๔-๑๒ อัตรา ๔๐ - ๖๐ กก./ไร่ ในพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวสีแดง
ระยะออกดอก

ระยะติดสมอ
ฝ้ายจะเริ่มติดสมอเมื่ออายุประมาณ ๖๐ - ๖๕ วัน ในระยะที่ฝ้ายติดสมอจนถึงช่วงก่อนสมอแก่ (๑๐๐ วัน) เกษตรกรต้องดูแลรักษาฝ้ายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการป้องกันกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้ายเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในระยะที่ฝ้ายออกดอก หากพบว่ามีแมลงปากดูดชนิดใดชนิดหนึ่งระบาดจำเป็นต้องใช้สารเคมีประเภทดูดซึม เช่น โมโนโครโตฟอสพ่นเสริมด้วย
การใส่ปุ๋ย
มักจะปฏิบัติไปพร้อมกับการพรวนดินพูนโคน จะใส่ปุ๋ยเมื่อฝ้ายอายุประมาณ ๓-๔ สัปดาห์ หลังงอก การให้ปุ๋ยฝ้าย ๒ วิธี ดังนี้
- การให้ทางดิน จะให้แบบโรยข้าง ๆ แถวฝ้าย อัตราปุ๋ยที่แนะนำคือ
- ในดินเหนียวสีดำ ควรใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ๓๐ กก./ไร่ หรือให้ปุ๋ยยูเรีย ๑๓ กก./ไร่
- ใช้ดินเหนียวสีแดง ควรใช้ปุ๋ยสูตร ๑๒-๒๔-๑๒ อัตรา ๕๐ กก./ไร่
- การให้ทางใบ จะผสมน้ำแล้วพ่นให้ทางใบฝ้าย มีปุ๋ยสูตรต่างๆ ในตลาดเกษตรกรนิยมใช้ปุ๋ยทางใบกับฝ้าย
การกำจัดวัชพืช
โดยใช้แรงงานคน สัตว์ เครื่องจักรกล หรือฉีดพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืช
โรคที่สำคัญ
ได้แก่ โรคใบหงิก โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคเหี่ยว
แมลงศัตรูฝ้าย
- ชนิดปากดูด ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว
- ชนิดปากเจาะ ได้แก่ หนอนเจาะสมอฝ้าย
การใช้ประโยชน์
- ปุยฝ้าย(Lint or Fiber)
- ใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม
- เครื่องใช้ภายในบ้าน
- วัตถุทางอุตสาหกรรม ยางรถยนต์ เบาะที่นั่ง เชือก ถุง สายพาน ผ้าใบ ท่อส่งน้ำ และการผลิตเส้นใยเทียม หรือ เรยอง (rayon)
- เมล็ดฝ้ายซึ่งประกอบด้วย ขนปุยที่ติดกับเมล็ด (linter or fuzz) เปลือกเมล็ด (Seed coat) และเนื้อในเมล็ด (Kernel) ส่วนประกอบแต่ละอย่างของเมล็ดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
- ขนปุย (linter or fuzz) : นำไปใช้ทำผ้าซึมซับ ทำเบาะผ้าสักหลาด พรม วัตถุระเบิด และอุตสาหกรรม เซลลูโลส เช่น ทำเส้นใยประดิษฐ์ ฟิล์มเอ๊กซเรย์ พลาสติก
- เปลือกเมล็ด (Seed Coat) : นำไปใช้ทำเป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ ทำปุ๋ย อินทรีย์ ใช้ในด้านอุตสาหกรรมพลาสติก ทำยางเทียม และเป็นส่วนประกอบในการเจาะและกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง
- เนื้อในเมล็ด (Kernel) เป็นส่วนสำคัญของเมล็ดฝ้ายที่ใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์ โดยนำไปสกัดเอาน้ำมัน (oil) ซึ่งใช้เป็นน้ำมัน ประกอบอาหารชนิดดีใช้ทำเนยเทียม ใช้เป็นตัวทำละลาย (Solvent or emulsifier) ในโรงงานอุตสาหกรรม ทำยารักษาโรค สารปราบโรคและแมลงศัตรูพืช เครื่องสำอาง ยางพลาสติก เครื่องหนังกระดาษและอุตสาหกรรมสิ่งทอ กากที่เหลือหลังจากสกัดเอาน้ำมันออกแล้ว มีปริมาณโปรตีนสูง นำไปทำเป็นอาหารสัตว์ เป็นปุ๋ย และมีการนำไปทำอาหารมนุษย์ เช่น ผสมทำขนมปัง ผสมอาหารพวกที่มีเนื้อ เช่น ทำไส้กรอก
ช่วงตั้งแต่เริ่มงอกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรมีการตรวจนับแมลงทุก ๓-๕ วัน และเมื่อพบว่า มีการระบาดถึงระดับเศรษฐกิจให้ฉีดพ่นสารเคมีกำจัด เริ่มงอกจนถึงช่วงติดปี้ เน้นการป้องกันกำจัดแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยอ่อน สารเคมีที่ใช้ ได้แก่ สารกลุ่มโมโนโครโตฟอส ตั้งแต่ช่วงติดปี้จนถึงเก็บเกี่ยว เน้นการป้องกันกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้าย สารเคมีที่ใช้ ได้แก่ สารกลุ่ม ออร์แกนโนฟอสเฟต สลับกับสารเคมี กลุ่มอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น